วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ใบงานที่ 4 บทความสารคดีที่สนใจ




• เรื่อง สิวสิว☹

               ปัญหาสิว เป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ธรรมชาติของผิวหน้าแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกันออกไป จึงส่งผลต่อใบหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทำให้บางคนเป็นสิวมาก ส่วนบางคนก็เป็นสิวน้อย ในเมื่อเราหลีกเลี่ยงการเป็นสิวไม่ได้ เราก็ต้องทำความรู้จักธรรมชาติของสิวเพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างไม่เครียดมากนัก เพื่อรอคอยโอกาสที่จะกำจัดสิวที่มีอยู่ออกไป
สิวอยู่กับเราตอนที่เราเริ่มโตเป็นหนุ่มสาว จนเราอายุย่างเข้า 30 มันก็จะค่อย ๆ ลดน้อยหายไปเอง แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะรอดจากการเป็นสิวเมื่อมีอายุมากขึ้น เพราะสิวยังอาจเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุโดยที่พักอาศัยของสิวนั้นก็คือรูขุมขนของเราที่มีมากกว่า 20,000 รูบนใบหน้า ในโพรงรูขุมขนจะประกอบไปด้วยขนและต่อมไขมัน
โดยธรรมชาติแล้วต่อมไขมันจะผลิตน้ำมันออกมาเพื่อเคลือบผิวไม่ให้แห้งจนเกินไป แต่ต่อมไขมันอาจผลิตน้ำมันมากเกินไปด้วยการควบคุมของฮอร์โมนแอนโดรเจน ที่เป็นตัวกระตุ้นให้ต่อมไขมันมีขนาดใหญ่ เมื่อเรามีน้ำมันมากขึ้นและไม่สามารถออกจากรูขุมขนได้ทันเพราะมีสิ่งกีดขวางทางออก มันก็จะกลายเป็นสิวได้ในที่สุด
เรื่องน่ารู้ !!
  • เซ็กซ์กับสิวเราอยู่ร่วมกันได้ เซ็กซ์ไม่ได้มีผลต่อการเกิดสิวอย่างที่หลาย ๆ คนคิด และถึงคุณจะช่วยตัวเองอย่างหนักหน่วงแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้สิวเพิ่มขึ้นหรือลดลง เพราะจนถึงปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่รองรับความเชื่อที่ว่าเซ็กซ์และการช่วยตัวเองเกี่ยวข้องกับการเกิดสิว
  • ปัจจัยภายในร่างกายและความสะอาดภายนอก สาเหตุการเกิดสิวไม่ได้เกิดเพราะความสกปรกเพียงอย่างเดียว เพราะสิวสามารถเกิดจากฮอร์โมนและสาเหตุอื่น ๆ ได้ 
  • ช็อกโกแลตกับสิว จริง ๆ แล้วช็อกโกแลตไม่ได้เป็นตัวการทำให้เกิดสิวอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่นมและน้ำตาลที่ใส่ลงไปในช็อกโกแลตต่างหากที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดสิว ดังนั้นถ้าอยากจะกินช็อกโกแลตจริง ๆ ก็ขอแนะนำให้เลือกเป็น “ดาร์คช็อกโกแลต” แทน อาจหวานน้อยหน่อยแต่ก็มีประโยชน์มากเลยล่ะ
  • ตำแหน่งสิวบอกโรคได้ เช่น สิวที่หน้าผากเกิดจากระบบย่อยอาหารมีปัญหาและการนอนดึก, สิวระหว่างคิ้วอาจเป็นคนที่ไม่สามารถย่อยแลคโตสจากนมได้ มันเลยแสดงผลให้เห็นบริเวณนั้น, สิวที่แก้มเกิดจากการใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสม, สิวที่เกิดรอบดวงตามักเกิดจากภูมิแพ้และแสงแดด ส่วนสิวบริเวณคางมักเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีรสจัดนั่นเอง
  • การรักษาสิวด้วยแพทย์ ปกติแล้วการจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาสิวมักจะเป็นทางเลือกสุดท้าย หมอจะใช้ก็ต่อเมื่อการป้องกันต่าง ๆ ทำมาแล้วแต่ไม่ได้ผล ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันและการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ เพราะนั่นอาจหมายความว่าสิวที่คุณเป็นอาจมีสาเหตุมาจากฮอร์โมน ในกรณีนี้คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการปรับฮอร์โมนอย่างปลอดภัย

สาเหตุการเกิดสิว

  1. ฮอร์โมนแอนโดรเจน (androgens) เป็นตัวควบคุมการสร้างน้ำมัน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่พบได้มากในเพศชาย แต่ก็พบได้ในเพศหญิงเช่นกัน โดยช่วงที่ฮอร์โมนแกว่งหรือมีการเปลี่ยนแปลง แต่ละคนก็จะเป็นสิวแบบพีคสุด ๆ อย่างผู้หญิงฮอร์โมนจะแกว่งตอนที่รอบเดือนมาหรือกำลังตั้งครรภ์ ส่วนผู้ชายฮอร์โมนจะพลุ่งพล่านไปตามธรรมชาติ ในช่วงวัยรุ่นหรือในช่วงเครียด ๆ
  2. กรรมพันธุ์ของแต่ละบุคคล ทำให้ผิวหนังแตกต่างกันออกไปทั้งโครงสร้างของผิว การสร้างไขมันที่มากหรือน้อยเกินไป ความสามารถในการซ่อมแซมผิวหนังระหว่างการเกิดสิวและการซ่อมแซมเมื่อหายจากอาการของสิวอักเสบแล้ว
  3. ชอบวุ่นวายกับใบหน้า เช่น การจับ ลูบ แคะ แกะ เกาใบหน้าอยู่บ่อย ๆ อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือนำพาแบคทีเรียมาทำให้สิวที่มีอยู่เกิดการอักเสบได้อีกด้วย, การขัดหน้าบ่อย ๆ อาจกลายเป็นสาเหตุทำให้สิวเห่อได้ เพราะเวลาที่เราขัดหน้า นั่นหมายถึงเรากำลังทำให้ผิวหน้าหนาขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทำให้รูขุมขนตีบลง น้ำมันที่ควรจะออกมาก็ออกมาไม่ได้ , การล้างหน้าบ่อยเกินไปหรือมากกว่าวันละ 2 ครั้ง จะเป็นการกระตุ้นต่อมไขมันให้ทำงานมากผิดปกติ
  4. กิจวัตรประจำวันต่าง ๆ เช่น การไม่รักษาความสะอาด, การล้างหน้าหรือเครื่องสำอางไม่สะอาด, การใช้ผลิตภัณฑ์ปกปิดตำหนิต่าง ๆ หรือเครื่องสำอางที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม, การใช้ครีมหรือแป้งที่อาจเป็นต้นเหตุของสิวบนใบหน้า, การสวมหมวกหรือหมวกกันน็อกโดยไม่เคยซักทำความสะอาด
5. ล้างหน้าผิดวิธี  
6. ความมันบนใบหน้า 
7. เครียดมากเกินไปแถมนอนดึก
8. มลภาวะและแสงแดด 
9. การสูบบุหรี่ มีงานวิจัยหลายงานที่ชี้ว่า การสูบบุหรี่จะทำให้เส้นเลือดตีบ ทำให้ผิวหนังชั้นนอกได้รับสารอาหารและออกซิเจนไม่เพียงพอ เมื่อผิวอันสวยใสของเราได้รับสารอาหารน้อยลง ก็จะทำให้ผิวไม่แข็งแรงพอที่จะฟื้นฟูตัวเองยามสึกหรอ ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากแบคทีเรียได้ดีเท่าที่ควร จนทำให้เกิดสิวอุดตันทั้งหัวขาวและหัวดำในที่สุด
10. อาหารที่อาจเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว เช่น สาหร่ายทะเล ผักขม และหอย ซึ่งมีไอโอดีนและฟลูออไรด์ที่ทำให้เป็นสิวมากขึ้น รวมไปถึงแป้ง น้ำตาล นมและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ที่หากทานมากไปก็อาจทำให้สิวอักเสบกำเริบได้ เนื่องจากในน้ำนมจะมีฮอร์โมนแอนโดรเจน และสารที่เป็นตัวกระตุ้นสิวผสมอยู่ เช่น คาร์โบไฮเดรต, ไอโอดีน, โอเมก้า 6 เป็นต้น และในปัจจุบันได้มีงานวิจัยออกมายืนยันแล้วว่า “อาหารไม่ใช่ปัจจัยโดยตรงที่ทำให้เกิดสิวได้ แต่สารที่อยู่ในอาหารต่างหากที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิว” หรือในคนมีระบบน้ำเหลืองในร่างกายไม่ดี พอกินอะไรเข้าไปก็อาจมีสิวโผล่บนใบหน้าได้ง่าย ให้หลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ คือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารทะเล อาหารรสจัด และหน่อไม้
11. ใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม อย่างบางคนเป็นสิวง่ายและแพ้ง่ายอยู่แล้ว แต่ก็ยังเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมทั้งน้ำหอมและแอลกอฮอล์ พอใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มันก็จะเกิดการระคายเคือง แล้วก็จะเป็นสาเหตุของการเกิดสิวนั่นเอง
12. ใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดสิว ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามได้แสดงรายการส่วนประกอบของเครื่องสำอางที่อาจทำให้ใบหน้าที่เนียนสวยกลายเป็นมีสิวได้ โดยเฉพาะกับคนหน้ามัน จะยิ่งกลายเป็นสิวมากขึ้น มีดังนี้ สารสกัดจากสาหร่าย, ลาโนลิน, โกโก้, ไขมะพร้าว, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันข้าวโพด, น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันจมูกข้าว, น้ำมันเมล็ดฝ้าย Acetol acetilan, Amberate P, Butyl Sterate, Colloidal Sulfur, Crude coal tar, Decyl oleate, D & C Red #17,21,3, Glyceryl Stearate SE, Isocetyl Stearate, Isopropyl Isostearate, Isopropyl Myristate, Isopropyl Palmitate, Isopropyl lanolate, Isosteary neopentanoate, Lauric 23, 4, Lauric acid, Lanosterin, Langogene, Myristic acid, Octyl Palmitate, Octyl Stearate, Oleth-3, PEG 75 Lanolin, PEG 16 Lanolin, PEG 8 Stearate, Propylene Glycol Monostearate, Sterolan, Sodium Chloridem Sodium Laureth Sulfate, Sodium Lauryl Sulfate, *Crisco, *Hygrogenated Vegetable Oil, *Myristyl myristate, Mink Oil, PG 2 myristyl propionate, *Sulfonated Castor Oil และผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า คุณควรจะระมัดระวังเครื่องสำอางที่มีฉลากเขียนว่า “ได้รับการทดสอบจากผู้ชำนาญด้านความงามแล้ว“, “ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้” และที่ระบุว่า “ผสมตัวยา” เพราะเครื่องสำอางเหล่านี้ยังอาจก่อให้เกิดสิวได้ เพราะยังอาจมีส่วนประกอบที่ทำให้เป็นสิวตามที่ระบุไว้ในรายการนี้
13. อุปกรณ์แต่งหน้าที่หมักหมม
14. สิ่งประทินผม เช่น สีย้อมผม แชมพูขจัดรังแค น้ำมันใส่ผม สเปรย์แต่งผม และเหงื่อจากหนังศีรษะ
15. ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ก็อาจทำให้บางคนเกิดเป็นสิวขึ้นบริเวณมุมปากไปจนถึงคางรวมถึงบริเวณใกล้เคียงได้ ซึ่งสิวลักษณะนี้จะค่อนข้างรักษาได้ยากและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีทั่วไป 
16. ยาบางชนิด ในระหว่างที่เราทานยาเพื่อรักษาอาการหรือโรคที่เป็นอยู่ ยาเหล่านั้นอาจเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้เช่นกัน เพราะยาบางตัวอาจมีสารที่ไปกระตุ้นให้ฮอร์โมนและเคมีในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ 
วิธีรักษาสิว
1. อยากสิวหายต้องใจเย็น 
2. ปรับเปลี่ยนทัศนคติ สิวเกิดมาได้จากหลายสาเหตุมาก ซึ่งหลาย ๆ อย่างเราเองก็ไม่สามารถควบคุมได้ 
3. สังเกตตัวเองสักนิด ให้ลองสังเกตว่าเรามักจะเป็นสิวตอนไหน หน้าร้อนหรือหน้าฝน และในช่วงนั้นได้ไปทำอะไรที่ผิดปกติไปจากเดิมหรือเปล่า 
4. รักษาก่อนบำรุง 
5. ลดความมันบนใบหน้า แต่อย่าล้างหน้าบ่อย ๆ  เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นการเกิดสิวได้
6. หยุดเซาน่าและสตรีม 
7. ล้างหน้าให้ถูกวิธีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง เราควรจะล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิวเพียงวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น แต่ถ้าหากหน้ามันมากจริง ๆ ก็อาจล้างได้ไม่เกินวันละ 3 ครั้ง เวลาล้างต้องล้างให้สะอาดหมดจดจนแน่ใจว่าไม่เหลือสิ่งสกปรกอยู่บนใบหน้า ถ้ามีเหงื่อออกหรือหน้ามันระหว่างวันคุณควรจะล้างหน้าด้วย “น้ำเปล่า” แล้วซับให้แห้ง  และก่อนจะลงผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามคุณควรซับหน้าให้แห้งก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสิว 
8. ดื่มน้ำเพื่อล้างพิษ 
9. กำจัดความเครียด 
  1. นอนหลับให้เพียงพอ 
  2. หลีกเลี่ยงแสงแดด 
  3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพผิว 
  4. หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษซับมัน คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้กระดาษซับมัน แล้วหันมาใช้กระดาษทิชชูสำหรับใบหน้าในการซับน้ำมันส่วนเกินแทน เพราะการใช้กระดาษซับมัน จะทำให้น้ำมันถูกซับออกไปจนหมด ส่งผลทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเป็นพิเศษ 
  5. ยาคุมกำเนิด นับเป็นโชคดีของสาว ๆ ที่เราสามารถควบคุมสิวที่เกิดจากฮอร์โมนแอนโดรเจนได้ด้วยการทานยาคุมกำเนิด เนื่องจากยาคุมกำเนิดนั้นมีฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrigen) ที่จะเข้าไปกดการทำงานของฮอร์โมนแอนโดรเจน 

ประเภทของสิว

สิวอุดตัน สิวที่ชอบเก็บตัวอยู่กับรูขุมขนบนใบหน้า ยิ่งนานวันก็ยิ่งฝังตัวแน่น

สิวอุดตัน

สิวอักเสบ สิวชนิดที่เป็นร่างแปลงของสิวอุดตัน ที่พัฒนาขึ้นมาด้วยอาหารเสริมอย่างเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกจากน้ำมือของเจ้าของใบหน้า ที่ชอบไปล้วงแคะแกะเกา หากคุณเป็นสิวชนิดนี้อยู่

สิวอักเสบ

สิวเสี้ยน เมื่อไหร่ที่เราขับไล่มันไป มันก็จะทิ้งรูขุมขนกว้างไว้ให้เจ้าของใบหน้าได้ช้ำใจ 

สิวเสี้ยน

สิวผด ร้อนเมื่อไหร่ได้เจอกันทุกที ชื้นเมื่อไหร่มันก็จะมาอีก ยิ่งอากาศทั้งร้อนและชื้นแบบบ้านเรามันยิ่งชอบ ถ้าเผลอไปแคะแกะเกาล่ะก็ มันก็พร้อมจะกลายร่างเป็นสิวที่ร้ายกาจได้ทุกเมื่อ 

สิวผด

ขั้นตอนการทาผลิตภัณฑ์รักษาสิว
  1. สำหรับกลางคืน ให้คุณเริ่มจากการใช้ยาบีพีเพื่อฆ่าเชื้อพีแอคเน่ โดยทาทิ้งไว้ไม่เกิน 30 นาที หลังจากนั้นให้ล้างหน้าตามปกติ แล้วทาด้วย AHA/BHA และต่อด้วยผลิตภัณฑ์ประเภทเรตินอยด์เพื่อละลายสิวอุดตันและสิวเสี้ยน (ยากลุ่มนี้จะค่อนข้างไวต่อแสง แนะนำว่าทาเสร็จแล้วก็ให้ปิดไฟไปเลย แล้วรอประมาณ 15-20 นาที ก่อนจะลงยาตัวต่อไป เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของยา) ในขั้นตอนต่อมาถ้าคุณมีสิวอักเสบก็ให้แต้มหัวสิวอักเสบด้วยคลินดามัยซิน และบำรุงผิวเป็นจบขั้นตอน
  2. สำหรับกลางวัน ขั้นตอนจะไม่ยุ่งยากเหมือนตอนกลางคืน โดยให้เริ่มจากการล้างหน้าตามปกติ แล้วทาครีมบำรุง ตามด้วยครีมกันแดด 

เบนซอยล์เปอร์ออกไซด์


เรตินเอ



คลินดาลิน



ฺBHA

คุณสมบัติของยารักษาสิว


ชื่อยาลดสิวอุดตันฆ่าเชื้อพีแอคเน่ลดการอักเสบ
เบนซอยเปอร์ออกไซด์ (BP)ปานกลางดีปานกลาง
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอลเอดีไม่มีผลปานกลาง / ไม่มีผล
คลินดามัยซินไม่มีผลดีดี
บีเอชเอปานกลางไม่มีผลไม่มีผล
การดูแลรักษาสิวในระดับต่าง ๆ
-สิวระดับเล็กน้อยสิวระดับปานกลางสิวระดับรุนแรง
ลักษณะมีสิวอุดตันหัวดำและหัวขาว + มีสิวอุดตันบ้างแต่ไม่เกิน 10 หัวมีสิวอุดตันหัวดำและหัวขาว + มีสิวอักเสบเกือบตลอด โดยมีสิวอักเสบแบบต่าง ๆ เกิน 10 หัว (ไม่รวมสิวแบบ Cyst)มีสิวทุกประเภท + มีสิวอักเสบทุกแบบกระจายอยู่ทั่วบริเวณใบหน้า
การดูแลใช้ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ (ภายใต้คำแนะนำของแพทย์) + BPใช้ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ (ภายใต้คำแนะนำของแพทย์) + BP + ทานยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ / ทานฮอร์โมนทานยาภายใต้การดูแลของแพทย์
การรักษา-ทานยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ + ทานฮอร์โมน + ใช้ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ + BP + คลินดามัยซินใช้ยาต้านการอักเสบ + ยาในกลุ่มวิตามินเอ + ทานยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ + BP + คลินดามัยซิน + ทานฮอร์โมน
ที่มาของรูปและข้อมูล : https://medthai.com


ตำแหน่งสิวบอกโรคได้


          วิธีการสังเกตถึงสุขภาพภายในร่างกายของเราหรือของคนใกล้ตัวเรานั้น  ด้วยศาสตร์ใหม่จากการวิเคราะห์สภาพผิว Face Mapping กระบวนการพิสูจน์และวิเคราะห์สภาพผิวด้วยศาสตร์ตะวันออก ซึ่งเป็นหนึ่งในปรัชญาความคิดเบื้องต้นที่ว่า "ผิวหน้าสามารถบ่งบอกได้ถึงสุขภาพภายในร่างกายที่มีผลกระทบต่อผิวพรรณ" ทำให้เข้าใจได้ถึงสาเหตุการเกิดปัญหาสุขภาพผิว

          ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพผิว จากศูนย์สุขภาพผิวเลียวนาร์ด เดรก ได้นำเสนอแนวทางการป้องกันโดยมีหลักในการวิเคราะห์สภาพผิวแบบ Face Mapping นั้นจะเป็นการวิเคราะห์สภาพผิวที่ละเอียดกว่าการวิเคราะห์ผิวโดยทั่วไป  โดยแบ่งส่วนใบหน้า  ลำคอ และแผ่นอกออกเป็น 4 โซน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ตำแหน่งสิวบอกโรคได้

 ที่มาของรูป : http://health.campus-star.com/general/889.html

          
          สิวบอกโรค : โซนที่ 1 และโซนที่ 3 ถ้ามีปัญหาสิวบริเวณนี้ คุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ดังนั้นอาจต้องดื่มน้ำมากขึ้นหรือทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

          สิวบอกโรค : โซนที่ 2  สิวบริเวณหว่างคิ้ว เกี่ยวกับตับ อาจมีปัญหาในการย่อยแลคโทส (ดื่มนมไม่ได้) การทานอาหารรสจัดหรือทานอาหารดึกเกินไป

          สิวบอกโรค : โซนที่ 4 และโซนที่ 10 ผิวบริเวณหูนี้เป็นผลพวงของไต หากรู้สึกร้อนที่หู คุณอาจต้องลดการรับประทานเนื้อสัตว์ลง

          สิวบอกโรค : โซนที่ 5 และโซนที่ 9  บริเวณแก้มทั้งสองด้าน โดยแก้มส่วนบนจะเกี่ยวข้องกับไซนัสและปอด ส่วนแก้มส่วนล่าง เหงือกและฟัน สาเหตุอาจเป็นเพราะสูบบุหรี่จัด หรือแพ้ควันบุหรี่ ภูมิแพ้ เป็นหวัดเรื้อรัง หรืออาจใช้บลัชออนและรองพื้นไม่เหมาะสม ถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้มอาจบ่งบอกถึงปัญหาเรื่องปอดหรือการหายใจ ถ้ามีสิวแบบเป็นๆ หายๆ ที่แก้มด้านล่างอาจมีปัญหาเรื่องเหงือกและฟัน หรือโทรศัพท์มือถือไม่สะอาด

          สิวบอกโรค : โซนที่ 6 และโซนที่ 8 ตำแหน่งรอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง เกี่ยวข้องกับไต และปัญหาภูมิแพ้ สาเหตุมาจากเครื่องสำอางที่ใช้อยู่ อาจไม่เหมาะสม หรือใส่แว่นตาที่เสียดสีมาก รอยคล้ำอาจเกิดจากการมีสารพิษตกค้างในร่างกายมาก หรือพักผ่อนน้อย เปลือกตาหากมีความระคายเคือง อาจมาจากการเป็นภูมิแพ้ หรือขาดสารอาหาร

          สิวบอกโรค : โซนที่ 7  ผิวบริเวณจมูกและริมฝีปาก แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หากมีสิวบริเวณนี้อาจหมายถึงผลกระทบของการตั้งครรภ์ การมีประจำเดือน การรับประทานยาคุมกำเนิด

          สิวบอกโรค : โซนที่ 11 และโซนที่ 13 หากผิวบริเวณนี้แตกระแหง สามารถบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหาของฟันกราม หรือปัญหาเกี่ยวกับฟัน

         สิวบอกโรค : โซนที่ 12 สิวเรื่อๆ บริเวณคางนี้ สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหาเรื่องลำไส้เล็ก ที่มีผลจากการรับประทานของเผ็ด

          สิวบอกโรค : โซนที่ 14 หากคุณมีสิวบริเวณนี้แล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณกำลังเครียดสูง

          
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ตำแหน่งสิวบอกโรคได้
                                     ที่มาของรูป : http://health.campus-star.com/general/193.html


ที่มาข้อมูล : https://health.kapook.com/view1637.html




ที่มา : https://youtu.be/wFCeVriUzU4

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กิจกรรมที่ 5

01สวยใสจากภายในสู่ภายนอก from Pinchanok Muangping